BK8THAI ทีเด็ด : หงส์ เปลี่ยนแผนเลื่อนขยายสนามแอนฟิลด์ไปอีกอย่างน้อย 1 ปี
ข่าวฟุตบอลต่างประเทศรายงานว่า สโมสรดังจากลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ไซด์อย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้มีการแถลงการณ์ว่า ทางสโมสรจะต้องเลื่อนแผนขยายสนาม แอนฟิลด์ ออกไปอย่างน้อย 1 ปี เนื่องจากปัญหาไวรัส โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในอังกฤษและทั่วยุโรป
#LFC release statement saying they are "disappointed" by the comments of mayor Joe Anderson who said resuming the PL is a "non-starter" because he fears a "farcical" situation of fans congregating outside Anfield.https://t.co/e8OAVZMygz
— James Pearce (@JamesPearceLFC) April 30, 2020
ข่าวลิเวอร์พูลล่าสุดเผยว่า สโมสรดังจากลุ่มแม่น้ำเมอร์ซี่ย์ไซด์อย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล ได้มีการแถลงการณ์ว่า ทางสโมสรจะต้องเลื่อนแผนขยายสนาม แอนฟิลด์ ออกไปอย่างน้อย 1 ปี เนื่องจากปัญหาไวรัส โควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนักในอังกฤษและทั่วยุโรป
เว็บไซต์ล้มโต๊ะเผยว่า ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกอังกฤษอย่าง ลิเวอร์พูล มีแผนการที่จะเตรียมขยายอัฒจันทร์ฝั่ง แอนฟิลด์ โร้ด 7,000 ที่นั่ง ซึ่งจะทำให้สนามเหย้าของ หงส์แดง มีความจุเพิ่มเป็น 61,000 คน ก่อนหน้านี้สโมสรเตรียมส่งแผนงานขยายสนามต่อสภาเมืองในช่วงสองเดือนนี้ หลังจากทำการปรึกษาหารือกับคนในท้องที่ ธุรกิจท้องถิ่น และแฟนบอล ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามทางสโมสร ลิเวอร์พูล ต้องหยุดคิดเรื่องที่จะขยายสนามออกไปก่อน เพราะเนื่องจากปัญหาของการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้ทุกอย่างที่สโมสรว่างแผนไว้จึงจำเป็นต้องพับเก็บใส่กระเป๋าไว้ก่อน ซึ่งทาง หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของสโมสรอย่าง แอนดี้ ฮิวจ์ส ได้ออกมายืนยันว่าจะชะลอแผนการขยายสนามออกไปอย่างน้อย 12 เดือน
“พวกเราต้องพบเจอกับปัญหาที่ล่าช้า หลายประการเกี่ยวกับแผนงานซึ่งเป็นผลพวงโดยตรงจากการล็อคดาวน์ในสถานการณ์โควิด-19 จากความท้าทายที่หลายภาคส่วนต้องเผชิญอยู่ในตอนนี้ รวมทั้งภาคการก่อสร้าง ภาคการจัดซื้อ และภาครัฐ เราจึงแสดงความรับผิดชอบด้วยการพักแผนงานไปอย่างน้อย 12 เดือน”แอนดี้ ฮิวจ์ส กล่าว
“แผนการที่สโมสรได้วางเอาไว้ มันเป็นอะไรที่ซับซ้อนสำหรับ แอนฟิลด์ โร้ด ดังนั้นต้องใช้เวลาถึง 18 เดือน และจำเป็นต้องใช้ช่วงหยุดซัมเมอร์ 2 ฤดูกาลในการจะทำให้แล้วเสร็จสมบูรณ์ และนั่นเป็นเหตุผลที่เราพักแผนงานไว้ก่อนอย่างน้อย 12 เดือน”
“ฉะนั้นพวกเราเลยตกลงกันว่า เราจะดำเนินการแล้วเสร็จได้คือซัมเมอร์ปี 2023 แทนที่จะเป็นซัมเมอร์ปี 2022 ตามแผนเดิม”